ขั้นตอนการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงฝ่ายวิชาการ คณะบริหารศาสตร์ กรณีอาจารย์ประจำวิชาขอแก้ไขผลการเรียน

แนวปฏิบัติสำหรับการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงฝ่ายวิชาการ คณะบริหารศาสตร์ กรณีอาจารย์ประจำวิชาขอแก้ไขผลการเรียน จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ได้รับมอบหมายปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงฝ่ายวิชาการ คณะบริหารศาสตร์ กรณีอาจารย์ประจำวิชาขอแก้ไขผลการเรียน สามารถปฏิบัติงานได้และเน้นการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ตลอดทั้ง มีความโปร่งใส เป็นธรรม มีกระบวนการที่ถูกต้อง ตรวจสอบได้

การดำเนินการเริ่มตั้งแต่ การแต่งตั้งคณะกรรมการ กระบวนการประชุมสอบข้อเท็จจริง การรายงานผลการสอบข้อเท็จจริง และการเสนอเรื่องขอแก้ไขผลการเรียน ตามลำดับ

คำจำกัดความ

มหาวิทยาลัย     หมายถึง มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี นักศึกษา          หมายถึง นักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี อาจารย์ประจำวิชา  หมายถึง  อาจารย์ประจำหรืออาจารย์พิเศษที่มีคุณวุฒิขั้นต่ำปริญญาโทหรือเทียบเท่า หรือมี ตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ในสาขาวิชานั้นหรือสาขาวิชาที่สัมพันธ์กันหรือในสาขาวิชาของรายวิชาที่สอน อาจารย์ที่ปรึกษา    หมายถึง      อาจารย์ประจำที่มหาวิทยาลัยมีคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของนักศึกษา

หน้าที่ความรับผิดชอบ

อาจารย์ประจำวิชา – อาจารย์ประจำวิชาที่มีความประสงค์ขอรับการพิจารณาแก้ไขผลการเรียน พร้อมเอกสาร ประกอบการพิจารณา

ผู้ปฏิบัติงานวิชาการ       – ตรวจสอบข้อมูลทั่วไป   ตรวจสอบโครงสร้างในการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฝ่ายวิชาการ  คณะบริหารศาสตร์ เพื่อให้ข้อมูลรายชื่อประกอบการพิจารณาแต่งตั้ง เสนอเรื่องการขอแก้ไขผลการเรียนของอาจารย์ประจำวิชาต่อคณบดี    

ผู้บังคับบัญชาชั้นต้น   – ตรวจสอบข้อมูลก่อนเสนอคณบดี

คณบดี                      – คณบดีพิจารณาให้ความเห็นชอบการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีอาจารย์ประจำวิชาขอแก้ไข ผลการเรียน และรายชื่อเพื่อการแต่งตั้งคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อเท็จจริง

แผนผังการปฏิบัติงาน Work Flow

    ขั้นตอนการปฏิบัติงาน

    เพื่อให้การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงฝ่ายวิชาการ คณะบริหารศาสตร์ กรณีอาจารย์ประจำวิชาขอแก้ไขผลการเรียน  เป็นไปด้วยความเรียบร้อย งานวิชาการจึงมีขั้นตอนในการปฏิบัติงาน  ดังนี้

    1. รับเรื่องขอแก้ไขผลการเรียนจากอาจารย์ประจำวิชาผู้เสนอเรื่อง ศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลในเบื้องต้น ศึกษาระเบียบ แนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง สรุปข้อมูลรายชื่อ อาจารย์ที่ปรึกษาของนักศึกษา ประธานหลักสูตรสาขาที่นักศึกษาและอาจารย์สังกัด รายชื่อผู้แทนอาจารย์ในขณะนั้น เพื่อเสนอรองคณบดีฝ่ายวิชาการพิจารณาประกอบการเสนอรายชื่อสำหรับการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีแก้ไขผลการเรียน 

    2. จัดทำบันทึกข้อความขอแต่งตั้งตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีแก้ไขผลการเรียน เสนอคณบดีอนุมัติและส่งเรื่องที่อนุมัติแล้วให้แก่งานบุคคลจัดทำคำสั่งแต่งตั้ง

    3. ติดต่อประสานงานประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีแก้ไขผลการเรียน เพื่อกำหนดวัน เวลา ประชุม ติดต่อประสานงานในเบื้องต้นเรียนเชิญคณะกรรมการทุกท่าน เข้าร่วมการประชุม และเชิญอาจารย์ประจำรายวิชาผู้เสนอเรื่องขอแก้ไขผลการเรียนเข้าร่วมให้ข้อมูลในการประชุม

    4. จัดทำบันทึกข้อความเชิญกรรมการร่วมประชุมอย่างเป็นทางการ จัดส่งหนังสือเชิญให้แก่กรรมการทุกท่าน ประสานงานจองใช้ห้องประชุม

    5. จัดการประชุม เข้าร่วมการประชุม ปฏิบัติหน้าที่บันทึกการประชุม

    6. จัดทำสรุปรายงานการประชุมเสนอประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีแก้ไขผลการเรียน ตรวจทานแก้ไข และจัดทำบันทึกข้อความเสนอสรุปผลการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีแก้ไขผลการเรียน เสนอรองคณบดีฝ่ายวิชาการพิจารณา

    7. สรุปข้อมูลจัดทำวาระการประชุมเสนอคณะกรรมการวิชาการประจำคณะ และคณะกรรมการประจำคณะ พิจารณาให้ความเห็นชอบ ตามลำดับ

    8. จัดทำบันทึกข้อความขอแก้ไขผลการเรียน และแบบสรุปรายงานการขอแก้ไขเกรดตามรูปแบบของแนวปฏิบัติที่ใช้ในการขอแก้ไขผลการเรียน เสนอรองคณบดีฝ่ายวิชาการลงนาม

    9. จัดส่งบันทึกข้อความขอแก้ไขผลการเรียน และแบบสรุปรายงานการขอแก้ไขเกรดไปยังงานทะเบียนและประมวลผล กองบริการการศึกษา เพื่อดำเนินการต่อไป

    เอกสารอ้างอิง

              ประกาศคณะบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เรื่อง โครงสร้างในการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฝ่ายวิชาการ คณะบริหารศาสตร์ ประกาศมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขการสอบแข่งขันหรือคัดเลือกพนักงานมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ. 2555

    แบบพิมพ์ที่ใช้

      • บันทึกข้อความขออนุมัติแก้ไขผลการเรียน
      • บันทึกข้อความขออนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง
      • บันทึกข้อความเชิญประชุมคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง
      • บันทึกรายงานผลการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
      • รายงานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
      • วาระการประชุมคณะกรรมการวิชาการ ประจำคณะ
      • วาระการประชุมคณะกรรมการ ประจำคณะ
      • บันทึกข้อความขอแก้ไขผลการเรียน
      • แบบสรุปรายงานการขอแก้ไขเกรด
      Categories: การศึกษา | Leave a comment

      ขั้นตอนการดำเนินการประเมินผลการปฏิบัติราชการของบุคลากรสายวิชาการ

      ด้วยคณะบริหารศาสตร์ มีการเปลี่ยนปรับปรุงหลักเกณฑ์การประเมินผลการราชการ ฉบับใหม่ (พ.ศ.2566) ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคลากรสายวิชาการจำนวน 67 คน ดังนั้น นี้จึงนำสรุปขั้นตอนการดำเนินการประเมินฯ มากำหนดเป็นขั้นตอนเพื่อให้บุคลากรสายวิชาการได้รับทราบแนวทาง ดังนี้

       สายวิชาการ

      Categories: ทั่วไป | Leave a comment

      แนวปฏิบัติที่ดีในการพัฒนาสื่อการสอนให้น่าสนใจ

      โครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดีด้านการผลิตบัณฑิต เรื่อง การพัฒนาสื่อการสอนให้น่าสนใจ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จัดเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2566 เวลา 13.00-16.30 น. ณ ห้อง U3 ชั้น 1 โรงแรมยูเพลส มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้รับเกียรติวิทยากรภายในหน่วยงาน ได้แก่ ดร.อนิรุธ สืบสิงห์, อาจารย์สุภัตราภรณ์ สายสมบูรณ์, อาจารย์ดุสิต ศรีสร้อย และดร.จิตภินันท์ เจริญรุ่งเรือง มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์การใช้สื่อการสอน ในการจัดการเรียนการสอน มีหัวข้อในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จำนวน 4 หัวข้อ ประกอบด้วย หัวข้อ Google Bard VS ChatGPT (ดร.อนิรุธ สืบสิงห์) หัวข้อ เบียร์เกม (Beer Game) (อาจารย์สุภัตราภรณ์ สายสมบูรณ์) หัวข้อ Metaverse สำหรับการเรียนการสอน (อาจารย์ดุสิต ศรีสร้อย) และหัวข้อ Board Game Learning  (ดร.จิตภินันท์ เจริญรุ่งเรือง)

      หัวข้อ Google Bard VS ChatGPT

      ดร.อนิรุธ สืบสิงห์

      Google Bard VS ChatGPT ใช้ในการสืบค้นข้อมูลเพื่อใช้ในการศึกษา สามารถลดจำนวนเวลาในการสืบค้นข้อมูลและค่าใช้จ่าย และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน สามารถนำมาประยุกต์ในการสร้างบทความ  ตอบคำถาม แปลภาษา วิเคราะห์ข้อมูลได้

      หัวข้อ เบียร์เกม (Beer Game) 

      อาจารย์สุภัตราภรณ์ สายสมบูรณ์  

      การใช้โปรแกรมเบียร์เกม (Beer Game) เป็นกิจกรรมการจำลองสถานการณ์การบริหารชัพพลายเชน เพื่อใช้ในการเรียนรู้การจัดการโซ่อุปทาน โดยมีเป้าหมายให้มีต้นทุน/สินค้าคงคลังที่ต่ำที่สุด ในขณะที่สามารถตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าได้ สามารถนำมาประยุกต์ในรายวิชาเกี่ยวกับการบริหารสินค้าคงคลัง การจัดการโลจิสติกส์และ โซ่อุปทาน เป็นต้น ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการโซ่อุปทานอย่างเป็นระบบ

      หัวข้อ Metaverse สำหรับการเรียนการสอน

      อาจารย์ดุสิต ศรีสร้อย

      Metaverse สามารถเป็นเครื่องมือในการสร้างสภาพแวดล้อมในการจัดการเรียนการสอนได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้คนไปพบกับประสบการณ์ที่มีกิจกรรมต่าง ๆ เหมือนโลกจริง ภายในสิ่งแวดล้อมเสมือนจริง สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนและผู้เรียน และผู้เรียนด้วยกันได้ การเลือกสื่อการสอนให้เหมาะสมกับนักศึกษา ควรคำนึงถึงความถนัดและความสนใจ ประเด็นที่กำลังนิยมในสังคม การนำไปปรับใช้ในวิชาชีพอนาคต ทั้งนี้ Metaverse เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ใช้ได้ฟรี นักศึกษาสามารถเข้าถึงได้ง่าย

      หัวข้อ Board Game Learning 

      ดร.จิตภินันท์ เจริญรุ่งเรือง

      การใช้บอร์ดเกมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ ทำให้นักศึกษาได้สร้างปฏิสัมพันธ์และความสนุกสนานเพลิดเพลิน ฝึกทักษะการเจรจาต่อรอง ทักษะการประสานงาน ทักษะความเป็นผู้นำ ทักษะการบริหารทรัพยากร สามารถนำมาประยุกต์ในรายวิชาเกี่ยวกับการเจรจาต่อรองทางธุรกิจ การบริหารอสังหาริมทรัพย์ การบริหารเงินและการลงทุน การบริหารสินทรัพย์ เป็นต้น

      Categories: การศึกษา | Tags: | Leave a comment

      การพิจารณาทุนการศึกษาคณะบริหารศาสตร์

      (กรณีทุนการศึกษาจากแหล่งทุนภายในและภายนอกคณะบริหารศาสตร์)

      1.ผู้มีความประสงค์มอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษา แจ้งความประสงค์จะมอบทุนการศึกษา โดยแบบฟอร์มการมอบทุนการศึกษาหรือหนังสือขอมอบทุนการศึกษามายังงานพัฒนานักศึกษา

      2. งานพัฒนานักศึกษาจัดทำประกาศคณะบริหารศาสตร์ เรื่องประกาศรับสมัครนักศึกษาเพื่อขอรับทุนการศึกษา

      3. งานพัฒนานักศึกษาดำเนินการขอความอนุเคราะห์ให้คณะกรรมการทุนการศึกษามหาวิทยาลัย พิจารณาประกาศ โดยดำเนินการส่งประกาศภายในวันที่ 20 ของทุกเดือน

      4.คณะกรรมการทุนการศึกษามหาวิทยาลัย พิจารณาเห็นชอบในประกาศแล้วนั้น ให้คณบดีลงนามในประกาศฉบับดังกล่าว

      5.งานพัฒนานักศึกษาดำเนินการประชาสัมพันธ์และประกาศคุณสมบัติผู้ขอรับทุนการศึกษาให้นักศึกษาทราบ ในช่องทางประชาสัมพันธ์ต่างๆของงานพัฒนานักศึกษาและคณะบริหารศาสตร์ อาทิเช่น เพจfacebook งานพัฒนานักศึกษาคณะบริหารศาสตร์ ,กลุ่มLine สาชาและชั้นปี

      6.งานพัฒนานักศึกษาดำเนินการรับสมัครนักศึกษาที่ประสงค์ขอรับทุนการศึกษา โดยกำหนดระยะเวลาในการรับสมัคร สถานที่ส่งเอกสารใบสมัครให้ชัดเจน

      7.งานพัฒนานักศึกษาดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครขอรับทุนการศึกษา และทำการประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สัมภาษณ์ทุนการศึกษา

      8.งานพัฒนานักศึกษาดำเนินการจัดสอบสัมภาษณ์นักศึกษาที่สมัครขอรับทุนการศึกษา โดยคณะกรรมการพัฒนานักศึกษา คณะบริหารศาสตร์ โดยผ่านเกณฑ์การพิจารณาทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัยหรือคณะบริหารศาสตร์

      9.งานพัฒนานักศึกษาดำเนินการพิจารณาให้ทุนการศึกษา โดย คณะกรรมการพัฒนานักศึกษา คณะบริหารศาสตร์

      10.งานพัฒนานักศึกษาดำเนินการประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้รับทุนการศึกษา

      11.งานพัฒนานักศึกษาดำเนินการแจ้งให้นักศึกษารายงานตัวรับทุนการศึกษาและนำส่งเอกสารเบิกจ่ายทุนการศึกษาเพื่อนำเอกสารส่งฝ่ายการเงิน ในการเบิกจ่ายทุนการศึกษาให้นักศึกษาต่อไป

      12.งานพัฒนานักศึกษาดำเนินการจัดทำหนังสือตอบขอบคุณพร้อมนำส่งใบเสร็จรับเงินและเอกสารที่เกี่ยวข้องให้กับผู้มอบทุนการศึกษา

      โดยมีขั้นตอนในการดำเนินการดังนี้

      Categories: ทั่วไป | Leave a comment

      Positive Communication Technique : เทคนิคการสื่อสารเชิงบวก

                   ประโยชน์ของการสื่อสารเชิงบวกภายในองค์กร จะช่วยให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน ลดความขัดแย้งในการทำงาน ทำให้เกิดการประสานงานและทำงานเป็นทีมได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ต้องการ หลักในการสื่อสารที่ดี คือ  การพูดในสิ่งที่เป็นจริง พูดในสิ่งที่มีประโยชน์ และคำนึงถึงความรู้สึก ของอีกฝ่าย หัวใจใจของการสื่อสาร คือ ความเข้าใจ เราจะต้องมั่นใจว่าอีกฝ่ายหนึ่งเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการจะสื่อ ให้ชัดเจน ในการสื่อสารที่ดี ไม่เพียงแต่เราพูดในสิ่งที่เราอยากพูดเท่านั้น แต่เราควรจะทราบด้วยว่าคนฟังอยากจะฟังอะไร เราควรจะเข้าใจบุคลิก ลักษณะ ความชอบ/ไม่ชอบ สไตล์การสื่อสารของคนที่เราต้องการสื่อสารด้วย เพื่อให้สามารถปรับรูปแบบการสื่อสารให้เหมาะสมกับคนที่เราต้องการสื่อสาร คนที่สื่อสารได้เก่ง คือ คนที่รู้ว่าเมื่อไรควรจะพูดอะไรและเมื่อไร  ไม่ควรจะพูดอะไร ในการสื่อสาร เราจะต้องมั่นใจว่า เราสามารถสื่อสารได้ถูกคน ถูกที่ ถูกเวลา ถูกวิธี และถูกวัตถุประสงค์ เราสามารถสื่อสารได้ทั้งคำพูด น้ำเสียง และสีหน้า ท่าทาง แววตา การฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening) คือ การฟังเนื้อหา ฟังอารมณ์ความรู้สึก ตลอดจนฟังวัตถุประสงค์ที่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการ เราสามารถประยุกต์ใช้หลักการ Matching and Mirroring ด้วยการใช้น้ำเสียง โทนเสียง ความดัง สีหน้าท่าทาง การวางมือ ให้ใกล้เคียงกับอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อแสดงให้เห็นในด้านจิตวิทยาเชิงลึกของความเป็นพวกเดียวกัน ในการสื่อสารที่ต้องการขอความร่วมมือ นอกจากการพูดอย่างสุภาพแล้ว การอธิบายเหตุผลประกอบที่ชัดเจน จะทำให้เกิดความร่วมมือที่มากขึ้น ความสำเร็จในการสื่อสารเพื่อโน้มน้าวใจ ขึ้นกับว่าอีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าจะได้รับประโยชน์อะไร จากการที่เขาทำตามที่ เราต้องการ ถ้าจำเป็นต้องปฏิเสธ ควรจะบอกเหตุผลของการปฏิเสธอย่างสุภาพและหาทาง ออกอื่นถ้าเป็นไปได้

                 ตัวอย่าง การใช้ภาษาเชิงบวก

      หลักการภาษาเชิงลบภาษาเชิงบวก
      ใช้คำพูดเชิงบวกหรือเป็นกลาง (อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น) แทนคำพูดเชิงลบ-ผมไม่เห็นด้วยกับคุณ
      -คุณเข้าใจผิดแล้ว
      -ผมขออธิบายมุมมองที่แตกต่าง
      -คุณอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อน
      เน้นในสิ่งที่เป็นไปได้ หรือ ทําได้ มากกว่าสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หรือทําไม่ได้-ฉันไม่สามารถพบคุณได้ในตอนเที่ยง -ผมไม่สามารถ Upgrade ห้องให้คุณได้-ฉันสามารถพบคุณได้ตอนบ่ายสองโมง
      -สิ่งที่ผมทําได้คือหาห้อง หัวมุมที่มีวิวดีที่สุดให้ครับ
      เน้นไปที่วิธีการหา ทางออก มากกว่า การเน้นถึงปัญหา หรือการตําหนิ-คุณไม่ยอมช่วยฉัน  
      -คุณเป็นต้นเหตุของปัญหา
      ถ้าเราทํางานด้วยกันงานจะเสร็จเร็วขึ้น 2 เท่า
      -เราจะหาทางออกของปัญหานี้ได้อย่างไร
      ใช้คําว่า “เรา” “ผม/ดิฉัน” แทน  คําว่า“คุณ” ในกรณี ที่อีกฝ่ายหนึ่งทําไม่ถูกต้องคุณส่งข้อมูลให้ผลช้าเราได้รับข้อมูลช้า
      อธิบายเหตุผล ในกรณีที่ปฏิเสธ-ข้อเสนอของคุณไม่ได้เรื่อง-ผมไม่สามารถรับข้อเสนอนี้ได้ เพราะว่า…..
      Categories: อบรม-สัมมนา | Leave a comment

      การพัฒนาการของเครื่องฉายภาพโปรเจคเตอร์

      Categories: ทั่วไป | Leave a comment

      การสร้างรายงานด้วยโปรแกรม Microsoft Power BI

      Power BI คืออะไร

      Power BI คืออะไร

      Power BI เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ (Business Analytics Tool) และสร้างรายงาน สร้าง Dashboard ให้ผู้ใช้งานเพื่อประกอบการตัดสินใจ ได้อย่างทันที สามารถดูได้จากทุกๆ อุปกรณ์ ทั้ง PC, Mobile, Tablet ผู้ใช้สามารถทำ คลิกเพื่อดูข้อมูลในมุมที่ต้องการ เพื่อที่จะหาคำตอบ เพื่อตัดสินใจ Power BI สามารถเชื่อมต่อแหล่งข้อมูล เช่น Excel, Database, Website, File ต่าง ๆ ด้วยหลักการของ Design Once View Anywhere คือออกแบบครั้งเดียวแล้วดูได้จากทุก ๆ ที่ ทุก ๆ เวลา

      โปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับ Power BI

      Power BI ประกอบด้วยกลุ่มซอฟต์แวร์ที่ทำงานร่วมกัน ได้แก่

      1. Microsoft Power BI Desktop (free download) ใช้สำหรับนำข้อมูลเข้า ทำ Data Prep, Data Model และ ทำรายงานด้วย Visualization
      2. Microsoft Power BI Service (https://www.powerbi.com)
      3. Microsoft Power BI for Mobile ที่จะสามารถใช้ดู Report และ Dashboard ได้จากมือถือ สามารถ Download ได้ฟรีทั้ง iOS และ Andriod 
      4. Microsoft Power BI Gateway หรือ On Premise Data Gateway ซึ่งจะทำหน้าที่ในการ Sync ข้อมูลที่เป็น on-premise data ขึ้น Cloud

      โดยมี Connector ให้เชื่อมต่อมากมาย ไม่ว่าจะเป็น File ต่าง ๆ เช่น Excel, PDF, Access, Text File, CSV File, XML หรือ Service เช่น Google Sheet, Salesforce, Dynamic หรือ Social Media ต่าง ๆ เพื่อให้เราสามารถนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ Analyst พร้อมทั้งยังมีความสามารถด้าน AI (Artificial Intelligence) ชื่อ  AI Builder

      Power BI Desktop

      Power BI Desktop คือ เครื่องมือในการจัดการกับข้อมูล ทั้ง จัดระเบียบ คำนวณ ปรับแต่งอัตโนมัติ ETL และยังเป็นเครื่องมือในการสร้างรายงาน  มีความสามารถในการรวม ประสานข้อมูลจากหลายแหล่ง ทั้ง ฐานข้อมูล ไฟล์ต่างๆ ทั้ง Excel, Text File และ ข้อมูลจากเว็บไซต์ Download ได้ฟรี

      Power BI จะยังสามารถนำข้อมูลของทั้งองค์กร โดยใช้ On Premise Data Gateway หรือ Power BI Gateway ที่จะเชื่อมโยงไปยังฐานข้อมูล SQL Server, Analysis Service หรือแหล่งต่างๆ ให้มาอยู่ใน Dashboard เดียวกันใน Power BI  และเผยแพร่ไปให้กับทุกๆ อุปกรณ์ หรือนำไปแสดงผลในเว็บไซต์ ด้วย embed code

      ส่วนประกอบของ Power BI

      1. Power BI Desktop 
      2. Power Query คือ ส่วนของการปรับแต่งข้อมูล ETL ให้ข้อมูลพร้อมใช้งาน
      3. Data Model คือส่วนของการคำนวณ DAX การจัดการ Model ทั้งการจัดรูปแบบ การกำหนดลำดับชั้น ความสัมพันธ์
      4. Power BI Service คือส่วนของ Cloud เพื่อใช้เก็บข้อมูล 
      5. Power BI Mobile คือ App ที่แสดงผลรายงานในมือถือ
      6. Data Gateway หรือ On Premise Data Gateway คือส่วนของการนำข้อมูลจาก On-Premise ขึ้น Cloud ให้แสดงข้อมูลล่าสุดตลอดเวลา

      สรุปความสามารถของ Power BI

      1. สามารถนำเข้าข้อมูลจากแหล่งข้อมูล (Data Source) ที่หลากหลายได้
      2. สามารถเตรียมข้อมูล โดยมีเครื่องมือที่ชื่อว่า Power Query เพื่อเตรียมข้อมูลให้เพร้อมใช้งาน
      3. สามารถทำ Data Model สามารถสร้าง Relationships, Data Hierachy, คำนวณด้วย DAX
      4. สร้างรายงานด้วย Visualization มากมาย และยังสามารถติดตั้ง Visualization เพิ่มเติมได้จาก Appsource
      5. สามารถสร้าง Dashboard และทำ Realtime Data Analytics ได้
      6. สามารถเข้าถึงผ่าน Mobile Apps เพื่อดูรายงานของเราอัตโนมัติผ่าน Mobile, Tablet
      7. สามารถแชร์ Report และ แชร์ Data Source ให้กับคนที่เกี่ยวข้อง
      8. สามารถกำหนดให้มีการ Update ข้อมูลอัตโนมัติ (Automatic Refresh) ด้วย Power BI Gateway
      9. สามารถเชื่อมโยงเรียกใช้ Workflow ของ Power Automate ได้

      ดูเพิ่มเติมได้ในบทความ มีอะไรใน Power BI (Power BI Insight)

      ความสามารถของ Microsoft Power BI

      Data Prepration หรือ ETL ด้วย Power Query

      สามารถนำเข้าข้อมูลได้จากหลายแหล่งข้อมูลต่าง ๆ พร้อมจัดเตรียมข้อมูลด้วยกลไก ETL ให้พร้อมใช้งานได้ โดยเครื่องมือในส่วนนี้เรียกว่า Power Query โดยใช้ภาษา M

      Power BI Data Prepaaration ด้วย Power Query โดยภาษา M

      Data Modeling

      เป็นการสร้างความสัมพันธ์ของข้อมูล เชื่อมโยงข้อมูล กำหนดการออกแบบข้อมูล ในรูปแบบของ Star Schema หรือ Snowflake schema

      สร้าง Power BI Report

      สามารถนำข้อมูลมานำเสนอในรูปแบบของ Visualization ต่าง ๆ ได้อย่างน่าสนใจ สวยงาม เชื่อมโยงข้อมูลเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ ให้ข้อมูลถูกต้อง และสวยงาม

      Responsive Design

      สามารถสร้างรายการให้รองรับกับการแสดงผลบนมือถือ Mobile ด้วย Responsive Design ออกแบบ Mobile Report ได้ง่ายดาย ดูรายละเอียด วิธีการทำ Mobile Report  

      อ้างอิง : https://www.9experttraining.com

      https://powerbi.microsoft.com/en-us/

       

      Categories: IT-Computer, อบรม-สัมมนา | Leave a comment

      การจัดทำไฟล์เกียรติบัตรโดยการใช้Mail Merge  พร้อมแยกไฟล์ตามชื่อของผู้รับ

       

      เนื่องด้วยในปัจจุบันมีโครงการอบรมที่ทำให้บุคลากรได้เพิ่มพูนความรู้ความสามารถทักษะของตนเองอยู่หลากหลายหัวข้อที่จำเป็นในการปฎิบัติงาน โดยตามธรรมเนียมแล้วการที่บุคลากร บุคคล นักเรียน นักศึกษา เข้ารับการอบรม เข้าค่าย หรือกิจกรรมธรรมมาภิบาลต่างๆ สิ่งที่จะได้รับหลังจากที่ผ่านกระบวนการพัฒนาตนเองเหล่านั้นคือ ใบประกาศ certificate เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันการเข้าร่วม การมีประสบการณ์หรือการมีทักาะความรู้ความสามารถในด้านั้นๆมาแล้ว และยังสามารถใช้ประโยขน์ในอนาคตอีกมากมาย เช่น การสมัครงาน สมัครเรียนต่อที่วุฒิการศึกษาสูงขึ้น หรือการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆที่ต้องการทักษะ

          ดังนั้นผู้จัดโครงกการ อบรม ค่าย หรือกิจกรรม ธรรมมาภิบาล จึงจำเป็นต้องมีทักษาะในการจัดทำใบประกาศให้ออกมาเรียบร้อยเหมาะสมกับกิจกรรมที่ต้นสังกัดได้จัดขึ้น โดยในยุคนี้ส่วนใหญ่จะรับใบเกียรติบัตรเป็น ไฟล์ PDF หรือ JPG เพื่อความปลอดภัยในการเก็บรักษารวมถึงสามารถ พิมเป็นกระดาษได้หลากหลายกว่ารูปแบบเดิมที่มีเพียงกระดาษแผ่นเดียว ในการจัดทำเกียรติบัตรสมัยใหม่ผุ้จัดทำส่วนใหญ่จะออกแบบรูปแบบเค้าโครงจากโปรแกรมสำหรับการตกแต่งภาพ เช่น Photoshop illustrator หรือ Canva โดยนำภาพกราฟฟิกมาใช้สะเป็นส่วนใหญ่ และมีรูปแบบสำเสร็จที่ผู้จัดโครงการสามารถดาว์โหลดเพื่อมาปรับแต่งเป็นของตนเองได้ฟรีไม่มีลิขสิทธ์ จากเว็บไซต์ที่แจกจ่าย เช่น Freepik.com ในหัวข้อ Certificate/Template หรือ Canva ซึ้งสามารถทำเป็น Template  เพื่อดำเนินการเป็นเกียรติบัตรที่ออกโดยหน่วงงานได้ แล้วจึงจะใช้โปรแกรมจัดทำเอกสารมาช่วยดำเนินการให้แล้วเสร็จต่อไปดังกระบวนการดังต่อไปนี้

      1. เตรียมข้อมูลไฟล์ Excel สำหรับจัดทำ Mail Merge

      2. ขั้นตอนต่อมานำไฟล์ภาพใบประกาศมาวางในโปรแกรม Microsoft word จากนั้นทำการจัดวาง Text box สำหรับพิมชื่อของผู้รับใบประกาสปรับขนาดให้เหมาะสม

      3. จากนั้นทำการ Mail Merge ปกติโดยใช้ไฟล์ Excel เป็น Source ในการดึงข้อมูล

      จากนั้นทำตามขั้นตอนการMerge แบบปกติ ตามขั้นตอนดังนี้

      3.1 เลือก Start Mail Merge จากนั้นเลือกที่ step by step mail merge จากนั้นเลือก Source เป็น ไฟล์ Excel ที่ทำการบันทึกไปก่อนหน้าใน ณ ที่นี้จะเป็นชื่อนามสกุลของนักศึกษาที่ได้เกรดเฉลี่ย 4.00

      3.2 เมื่อเลือกไฟล์ข้อมูลแล้วทำการ Insert ข้อมูลลง ใน Text Box โดยในตัวอย่างจะ Insert ชื่อสกุลของผู้รับเกียรติบัตรโดยทำการจัดข้อความให้เหมาะสม

      4. ขั้นตอนการ Export ไฟล์ PDF เรียงตามชื่อสกุลของผู้รับเกียรติบัตร การเตรียมตัวก่อนจะถึงขั้นตอนนี้ผู้ใช้ต้องติดตั้งโปรแกรม Foxit PDF ในเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อน

      4.1 ไปที่เมนู Mailing แล้วเลือกคำสั่ง Merge to Foxit PDF จากนั้นให้สังเกตุที่เมนู PDF File Name เลือกที่

      Choose a field ช่องนี้จะเป็นส่วนของข้อมูลคอลั้มที่ดึงข้อมูล ชื่อสกุล ในตัวอย่างตั้งชื่อคอลั้มเป็น ชื่อนามสกุล

      จากนั้นคลิก OK

      4.2 โปรแกรมจะทำการ Analyzing the data เพื่อทำการคัดแยกไฟล์

      4.3 หลักจากที่โปรแกรมทำการคำนวณเสร็จเรียบร้อยได้ได้ไฟล์ใบประกาศแยกเป็นชื่อนามสกุลผู้รับ เป็นไฟล์ PDF เ

      เป็นอันสำเร็จทุกขั้นตอน

      5. กระบวนการทำงาน Work flow การจัดทำไฟล์เกียรติบัตรโดยการใช้Mail Merge  พร้อมแยกไฟล์ตามชื่อของผู้รับ

      Categories: IT-Computer | Leave a comment

      การใช้ระบบบริหารงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

      ข้อกฎหมาย/ระเบียบที่เกี่ยวข้อง ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526และ 2548

      มีรายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงานดังนี้

                1.1  การใช้ระบบบริหารงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

      ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์  หมายถึง  ระบบจัดการเอกสารระบบบริหารงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี   ให้เป็นดิจิตอลและสามารถเรียกดูได้จากเครือข่าย คอมพิวเตอร์ และสามารถตรวจสอบติดตามสถานะเอกสารได้ สำหรับระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในมหาวิทยาลัย ระบบ www.edoc.ubu.ac.th

      Web Application  หมายถึง คือ การพัฒนาระบบงานบนเว็บ ซึ่งมีระบบมีการไหลเวียนในแบบ Online (ออนไลน์)

      ระบบ  e-doc.ubu.ac.th   หมายถึง  ระบบโปรแกรมการรับ – ส่ง หนังสือระบบบริหารงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

                  –  การออกเลขหนังสือส่ง ดำเนินการออกเลขหนังสือส่ง โดยการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารซึ่งต้องออกผ่านระบบเอกสาร E-Document ตามวันที่ที่ออกเลขหนังสือ (ระบุหมายเหตุเจ้าของเรื่องที่ส่งออกเพื่อติดตามเอกสาร)  และส่งออกภายในมหาวิทยาลัย   โดยสำเนาแสกนเอกสารแนบบไฟล์ เพื่อจัดส่งในระบบ E-Document  ซึ่งสามารถค้นหาเอกสารได้อย่างรวดเร็ว  และออกเลขหนังสือภายในคณะฯ  ของแต่ละงาน ส่งเอกสารให้กับเจ้าของเรื่อ หรืองานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป

                   – การจัดส่งเอกสาร ดำเนินการส่งผ่านในระบบเอกสาร E-Document ระบบบริหารงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ หากมีเรื่องเร่งด่วนสามารถส่งผ่านระบบได้ทันที โดยระบุให้ต้นทางรับเรื่องเอกสารในระบบ เพื่อจัดส่งเอกสารฉบับจริงให้กับหน่วยงานนั้น ๆ โดยต้องเซ็นรับเอกสารฉบับจริงอีกครั้ง  ในเวลา 09.30 – 10.00 น. และเวลา 14.00 – 14.30 น. ณ ตึกอธิการบดี (หลังใหม่)

                   –  การออกเลขหนังสือรับ   ดำเนินการลงทะเบียนรับเอกสารที่ได้รับมาหรือรับผ่านระบบเอกสาร E-Document ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารที่รับมา ดูความครบถ้วนของเอกสาร เอกสารแนบบ เรียน ผู้บังคับบัญชา หรือเรียนผู้รับภายในคณะบริหารศาสตร์ได้ถูกต้องครบถ้วน ก่อนลงรับเอกสาร

                    – ดำเนินการลงทะเบียนรับเอกสารเรียบร้อยแล้ว ต้องคัดแยกเอกสาร ตามฝ่ายที่รับผิดชอบ ผ่านหัวหน้าสำนักงานเลขานุการคณะบริหารศาสตร์ เสนอคณบดี รองคณบดีฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเกษียณหนังสือสั่งการถึงผู้ใต้บังคับบัญชาแต่ละงานที่รับผิดชอบ

         – ธุรการต้องดำเนินการแสกนหนังสือสั่งการแนบไฟล์ตามเลขทะเบียนรับ ตามลำดับ วันที่ เลขที่  ส่งให้กับเจ้าของเรื่องที่ผู้บริหารสั่งการ ผ่านระบบบริหารงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ โดยเจ้าของเรื่องจะต้องรับทราบและดำเนินการต่ออย่างไรให้รายงานในระบบบริหารงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นหลักฐานและสามารถสืบค้นหาเอกสารได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว

                  1.2  หนังสือเวียน/หนังสือโต้ตอบ

                         –  การดำเนินการแจ้งเวียนหนังสือภายในคณะบริหารศาสตร์  หนังสือระเบียบ ประกาศ ภายในและภายนอกคณะฯ ให้บุคลากรทราบ โดยต้องพิจารณาว่าเรื่องแจ้งเวียนนั้นๆ เกี่ยวข้องอย่างไร กับบุคคลใด ตามรายละเอียดเอกสารสั่งการของผู้บังคับบัญชา

                         – การดำเนินการร่าง โต้ตอบเอกสาร การขอความอนุเคราะห์บุคลากร ตอบรับการเป็นวิทยากร หนังสือเชิญ ขอความร่วมมือ ภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย โดยการสั่งการจากผู้บังคับบัญชา ตามวัน และเวลาที่กำหนด เพื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อย

      รหัส  Username   :   buweenkh

      รหัส  Password     :  XXXXXX 

      ทะเบียนหนังสือส่ง

      บันทึกหนังสือภายในในระบบบริหารงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ พิมพ์ชื่อเรื่องหนังสือส่ง แล้วบันทึกข้อมูล

      – พิมพ์ชื่อเรื่อง  และแนบไฟล์แสกนหนังสือ  และใส่เจ้าของเรื่องที่นำส่ง คณะฯ หรือหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัย และบันทึกเลขส่ง ที่ อว0604.13/09683

             –  คลิกส่งเรื่อง ให้กับหน่วยงานที่รับเรื่อง เพื่อให้ผู้รับเรื่องได้คลิกรับเรื่อง พร้อมไฟล์เอกสารแนบในระบบ

                บริหารงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์

      ทะเบียนหนังสือรับ

      – ลงทะเบียนหนังสือรับเรื่อง  โดยคลิกรับเรื่องปุ่มรับออกเลข 

      – บันทึกการลงทะเบียนรับ  เลขที่ 2891 

      รายงานหนังสือรับ คณะบริหารศาสตร์ ประจำวัน เพื่อเก็บรวบรวมเป็นรูปเล่มประจำเดือน

      ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

      ผู้ปฏิบัติงานสารบรรณมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอน วิธีการทำงานของระบบสารบรรณ

      อิเล็กทรอนิกส์ สามารถใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล

      2. แผนผังการปฏิบัติงาน Work Flow        

      3. ระบบติดตามประเมินผล

              มีการจัดทำรายงานประจำวันเก็บรวบรวมเป็นรายเดือน และสามารถให้ผู้เกี่ยวข้องสืบคืนเอกสารได้

      ข้อเสนอแนะ/เทคนิคในการปฏิบัติงาน/ปัญหาอุปสรรค แนวทางในการแก้ไขและพัฒนางาน

      ข้อเสนอแนะ/ เทคนิคในการปฏิบัติงาน/ ปัญหาอุปสรรคแนวทางการดำเนินการ
      1. การให้บริการล่าช้า ส่งผลกระทบต่อ     ผู้รับบริการมีความพึงพอใจค่อนข้างน้อย1. วิเคราะห์ปัญหา อุปสรรค เพื่อพัฒนาระบบงาน     ปรับเปลี่ยนวิธีการบริการ 2. การบริหารจัดการความรู้ แลกเปลี่ยนแนวคิด หลักการ     วิธีการปฏิบัติงาน ประกอบการพัฒนาระบบการ     ให้บริการที่ดี 3. จัดทำคู่มือ/ขั้นตอนการปฏิบัติงาน 4. สำรวจความพึงพอใจของผู้รับบริการ นำข้อเสนอแนะ     ปรับปรุงการพัฒนางาน 6. มีระบบพี่เลี้ยง พี่สอนน้อง  
      การทำให้การดำเนินงานระบบสารบรรณมีความถูกต้อง/มีคุณภาพมากขึ้นสามารถตรวจสอบเอกสารการลงทะเบียนรับ ทะเบียนส่ง สืบค้นเอกสารในระบบโปรแกรมได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว  

      Categories: ทั่วไป | Leave a comment

      วิธีเปลี่ยนหลอดไฟด้วยตัวเอง และรู้จัก 5 ชนิดของหลอดไฟ

      วิธีเปลี่ยนหลอดไฟด้วยตัวเอง และรู้จัก 5 ชนิดของหลอดไฟ

      วิธีเปลี่ยนหลอดไฟ เรื่องที่ควรรู้เป็นอย่างยิ่ง เพราะหลอดไฟคือสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งภายในบ้าน ที่ช่วยให้แสงสว่าง   ซึ่งเชื่อว่าหลายคนต้องเคยพบกับปัญหาของหลอดไฟเสีย หมดอายุการใช้งาน ซึ่งบางครั้งไม่สามารถตามช่างมาแก้ไขหรือติดตั้งได้ทันที ลองมาดูรู้จักตั้งแต่ชนิดของหลอดไฟ หลอดไฟแบบไหนประหยัดพลังงาน และวิธีเปลี่ยนหลอดไฟง่าย ๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นคุณผู้หญิง หรือคุณผู้ชายก็สามารถทำตามได้ง่าย ๆ ด้วยตัวคุณเอง

      ชนิดของหลอดไฟลักษณะ
      หลอดไส้ขนาดเล็ก อายุการใช้งานสั้น กินไฟมาก
      หลอดฟลูออเรสเซนต์ให้แสงสว่างและมีอายุการใช้งานมากกว่าหลอดไส้
      หลอดฮาโลเจนทนทานกว่าหลอดไส้ ให้ค่าความถูกต้องของสีถึง 100%
      หลอดคอมแพคต์ฟลูออเรสเซนต์มีรูปร่างหลากหลาย อายุการใช้งานนานกว่า        หลอดฟลูออเรสเซนต์
      หลอด LEDไม่มีความร้อน อายุการใช้งานนาน ให้แสงสว่างมาก

      1. หลอดไส้ (Incandescent Lamp)                                                                                  

      หลอดไฟที่มีการใช้งานมาอย่างยาวนาน เรียกอีกชื่อว่า “หลอดดวงเทียน” เพราะสีของแสงคล้าย ๆ กับแสงเทียน มีทั้งชนิดแบบแก้ว และฝ้า วิธีการทำงานคือ กระแสไฟฟ้าจะผ่านไส้หลอดเปลี่ยนจากพลังงานไฟฟ้าเป็นความร้อน เมื่อไส้หลอดร้อนจะเปล่งแสงออกมา ข้อดีคือ มีขนาดเล็ก ข้อเสียคือ อายุการใช้งานสั้น และกินไฟมาก ทำให้ค่าไฟแพง

      2. หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent tube)                                                                       

        หลอดหลูออเรสเซนต์ หรือหลอดเรืองแสง ตัวหลอดจะมีไส้โลหะทังสเตนติดอยู่ที่ปลายทั้ง 2 ข้างของหลอด ผิวภายในฉาบด้วยสารเรืองแสง โดยมีการใส่ไอปรอทไว้เล็กน้อย หลักการทำงานคือ กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านปรอทแล้วคายพลังงานในรูปแบบรังสีอัลตราไวโอเลต เมื่อกระทบสารเรืองแสงที่ฉาบไว้ในหลอดก็จะเปล่งแสงออกมา

      ข้อดีคือให้แสงสว่างมากกว่าหลอดไส้ถึง 5 เท่า อายุการใช้งานนานกว่าหลอดไส้ประมาณ 7-8 เท่า หรือประมาณ 6,000-20,000 ชั่วโมง

      3. หลอดฮาโลเจน (Halogen)                                                                                             

      พัฒนามาจากหลอดไส้ โดยใช้ก๊าซฮาโลเจนบรรจุภายในทำให้ทนทานกว่าหลอดไส้ปกติ จะให้ค่าความถูกต้องของสีถึง 100% เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างเป็นพิเศษ เช่น มุมอับของบ้าน ห้องทำงาน อายุการใช้งานประมาณ 1,500-3,000 ชั่วโมง

      4. หลอดคอมแพคต์ฟลูออเรสเซนต์ (Compact fluorescent)                                                       

      หลอดคอมแพคต์ฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดตะเกียบ มีการทำงานคล้ายหลอดฟลูออเรสเซนต์ มีทั้งแบบที่มีบัลลาสต์ในตัว และแบบอยู่ภายนอก มีรูปร่างที่หลากหลาย เช่น แบบเกลียว แบบหลอด แบบหลอดสี่แถว โดยจะมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์

      5. หลอด LED                                                                                                             

      หลอดไฟ LED (Light-Emitting Diode) มีหลักการทำงานจะต่างจากหลอดทั่ว ๆ ไป โดยแสงสว่างเกิดขึ้นจากการเคลื่อนของอิเล็กตรอนภายในสารกึ่งตัวนำ มีข้อดีหลายด้าน เช่น ไม่มีความร้อน เพราะไม่มีการเผาไส้หลอด อายุการใช้งานยาวนานถึง 50,000 ชั่วโมง ใช้วัตตน์น้อย แต่ให้แสงสว่างมาก แต่ถนอมสายตา   ข้อดีที่สำคัญมาก ๆ ของหลอด LED คือ ประหยัดค่าไฟได้สูงสุดถึง 60% และไม่มีสาร UV และสารปรอท เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และช่วยลดภาวะโลกร้อน                                                                                    

      วิธีการตรวจสอบหลอดไฟ

      หลอดไฟเสียมักมีอาการหลายแบบ โดยสามารถตรวจสอบอาการและวิธีแก้ไขเบื้องต้นได้ดังนี้

      1. หลอดเสื่อมสภาพ                                                                                                          

      การเสื่อมสภาพของหลอด สังเกตได้ง่าย ๆ คือ ขั้วหลอดจะมีสีดำ หากมีสภาพนี้ต้องเปลี่ยนหลอดไฟ

      2. อาการหลอดสั่น หรือมีแสงกะพริบตลอดเวลา                                                                         

      อาจเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น บัลลาสต์เสีย สตาร์ทเตอร์เสีย หากเกิดจากสาเหตุข้างต้นก็ต้องเปลี่ยนบัลลาสต์ หรือสตาร์ทเตอร์ หรืออาจเกิดจากแรงดันไฟฟ้าภายในบ้านต่ำ วิธีนี้ต้องเปลี่ยนหม้อแปลงให้เหมาะสมกับปริมาณการใช้ไฟฟ้า

      3. หลอดไฟใช้เวลานานกว่าจะสว่าง                                                                                        

      อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น สตาร์ทเตอร์เสื่อม ก็ต้องเปลี่ยนสตาร์ทเตอร์ หรืออาจเกิดจากหลอดไฟเสื่อมก็จะต้องแก้ไขด้วยการเปลี่ยนหลอดไฟ นอกจากนี้อาจเป็นเพราะแรงดันไฟฟ้าภายในบ้านต่ำก็ต้องเปลี่ยนหม้อแปลงให้เหมาะสมกับปริมาณการใช้ไฟฟ้า

      4. มีเสียงดังขณะเปิด                                                                                                         

      หากเกิดเสียงดังขณะเปิด และใช้เวลานานกว่าเสียงนั้นจะหายไป อาจเกิดจากแกนเหล็กของบัลลาสต์หลวม ต้องเปลี่ยนบัลลาสต์

      เตรียมตัวก่อนเปลี่ยนหลอดไฟง่ายๆ ด้วยตัวเอง

      วิธีเปลี่ยนหลอดไฟง่าย ๆ เริ่มต้นคุณจะต้องเตรียมตัวก่อนจะเปลี่ยนหลอดไฟ ดังนี้

      1. ทำการปิดสวิตช์ของหลอดที่เสียให้เรียบร้อยก่อน เพื่อป้องกันการถูกไฟช็อต หรือไฟดูด                           

      2. เตรียมบันไดให้พร้อมใช้งาน เพื่อทำการเปลี่ยนได้อย่างสะดวก ไม่ควรใช้เก้าอี้ หรือวัสดุอื่น เพราะอาจเกิดอันตรายได้ง่าย                                                                                                                    

      3. หากมีถุงมือผ้า สามารถนำมาใส่ในขณะจับหลอดไฟได้ เพื่อความปลอดภัย แต่ระวังหลอดไฟลื่นหลุดมือ หรือหากถุงมือหนาเกินไปอาจจับหลอดไฟไม่ถนัดมือ                                                                                  

      4. หากหลอดไฟยังมีความร้อน ให้พักและรอให้เย็นก่อน จึงค่อยเปลี่ยน

      วิธีการเปลี่ยนหลอดไฟง่าย ๆ ด้วยตัวเอง

      1. การเปลี่ยนหลอดไฟแบบขาสปริง                                                                                   

      หลอดไฟแบบขาปริง จะมีวิธีเปลี่ยนหลอดไฟแตกต่างจากหลอดแบบขาทั่วไป โดยวิธีการเปลี่ยนคือ ให้ดันไปข้างใดข้างหนึ่งก่อนแล้วจึงดึงลง จากนั้นก็นำหลอดไฟใหม่มาใส่ โดยใส่ทีละข้างให้ดันข้างใดข้างหนึ่งเข้าไปก่อน แล้วค่อยใส่อีกข้าง

      2. การเปลี่ยนหลอดแบบขาทั่วไป                                                                                          

      หลอดไฟแบบขาทั่วไปจะเป็นลักษณะการหมุนเกลียวลงล็อก วิธีการเปลี่ยนหลอดไฟชนิดนี้คือ ให้หมุนหลอดไฟไปมาให้ขาหลุดออกจากล็อกทั้งสองข้างแล้วค่อยดึงลงมา จากนั้นนำหลอดไฟใหม่มาใส่ โดยจะใส่หลอดไฟใหม่เข้าไปทีละข้างด้วยการหมุนให้เข้าล๊อคเหมือนเดิม

      3. การเปลี่ยนบัลลาสต์                                                                                                       

      ก่อนอื่นให้ปิดสวิตช์ไฟก่อน จากนั้นให้ถอดฝาครอบออก ตัวบัลลาสต์จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดตั้งอยู่บนรางไฟ จากนั้นใช้ไขควงปากแบนถอดขั้วต่อสายบัลลาสต์ แล้วดึงสายออก ไขเอาบัลลาสต์ออกมา แล้วนำตัวใหม่มาใส่แทนที่ แล้วไขสกรูให้แน่นและต่อสายเข้าเหมือนเดิม ปิดฝากครอบเท่านี้ก็เรียบร้อย

      4. การเปลี่ยนสตาร์ทเตอร์                                                                                                     

      ให้ถอดสตาร์ทเตอร์ของเดิมออกมาก่อน โดยให้หมุนเอาสตาร์ทเตอร์ออกจากล็อก แล้วปลดออกใส่อันใหม่กลับเข้าไป ให้หันด้านที่มีขั้วเสียบเข้าไปในช่องเดิมแล้วหมุนให้แน่นก็เรียบร้อย                                                

      ทั้งนี้ หลอดไฟปัจจุบันหลายแบบ อาทิ หลอดตะเกียบจะไม่มีสตาร์ทเตอร์และบัลลาสต์แล้ว เมื่อหลอดเสีย ก็เพียงหมุนถอดหลอดเก่า เปลี่ยนหลอดใหม่เข้าไปก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

      ใช้หลอดไฟอย่างไรให้ประหยัด

      – ใช้หลอดไฟฟ้าวัตต์ต่ำ ในบริเวณที่ไม่จำเป็นต้องใช้แสงสว่างมากนัก เช่น บริเวณเฉลียงทางเดิน ห้องน้ำ ซึ่งการใช้หลอดไฟฟ้าวัตต์ต่ำจะกินไฟน้อยกว่า                                                                                          

       – หมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์ไฟฟ้า ขั้วหลอดและตัวหลอดไฟ รวมทั้งโคมไฟต่างๆ เพราะถ้าขั้วหลอดสะอาด กระแสไฟฟ้าเดินได้สะดวก จะไม่มีกระแสไฟฟ้าสูญเปล่า แสงสว่างจะเปล่งออกมาได้หมด                                                                                                                                                                                        – ผนังช่วยสะท้อนแสง ผนังห้องที่ทาสีออกขาวนวล จะมองสว่างตาแม้ในเวลากลางวัน เมื่อเวลาเปิดไฟห้องจะสว่างมากกว่าห้องที่ทาสีเข้ม                                                                                                           

      – ใช้โคมไฟสำหรับงานเฉพาะแห่ง การใช้โคมไฟตั้งโต๊ะหรือตั้งพื้นเพื่อการใช้งานเฉพาะแห่ง เช่น อ่านหนังสือ หรือเย็บผ้า ช่วยประหยัดไฟได้กว่าการเปิดไฟให้สว่างทั้งห้อง                                                                   

       – ปิดไฟทุกครั้งเมื่อไม่จำเป็น การเปิด-ปิดไฟบ่อย ๆ ไม่ทำให้เปลืองไฟ ดังนั้น ถ้าต้องการออกจากห้องซักเพียง 1-2 นาที ควรปิดไฟก่อน รวมทั้งหมั่นตรวจสอบการใช้ไฟตามจุดต่าง ๆ ภายในบ้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการลืมเปิดไฟทิ้งไว้

      ข้อมูลข้างต้นจากการไฟฟ้านครหลวง

      ทั้งนี้ การปิดหลอดไฟช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าที่คิด ตัวอย่างเช่น ถ้าใช้หลอดไฟขนาด 40 วัตต์ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง จะทำให้เกิดการใช้ไฟฟ้า 0.04 หน่วย หากปิดหลอดไฟ 1 ดวงเป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง จะทำให้ประหยัดเงินไปได้ 0.18 บาท หากปิดไฟวันละ 10 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 1 เดือน จะทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้าไปได้ 54 บาท

      อย่างไรก็ตาม วิธีการข้างต้นนั้นเป็นเพียงพื้นฐานของการเปลี่ยนหลอดไฟเท่านั้น หากมีปัญหาอื่น ๆ เกี่ยวกับระบบไฟ อย่าชะล่าใจ เรียกหาสมาชิกในบ้านที่มีความรู้ในด้านนี้ หรือช่างผู้ชำนาญการมาเปลี่ยนจะปลอดภัยกว่า เพราะเรื่องของไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องเล่น หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอาจสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้

      Categories: ทั่วไป | Leave a comment