การตลาดบนอินเทอร์เน็ต คือ กิจกรรมทางการตลาดที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลางในการนำเสนอสู่กลุ่มลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย โดยนำกิจกรรมทั้ง สร้างการรับรู้ สร้างความต้องการ สร้างคุณค่า สร้างสังคมความภักดีมาจัดโดยใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลาง
ประเภทของสินค้าออนไลน์แบ่งได้ 3 ประเภท คือ
- สินค้าที่จับต้องได้ (Hard Goods)
- สินค้าที่จับต้องไม่ได้ (Soft Goods)
- บริการ (Service)
การตลาดบนอินเทอร์เน็ตมีลักษณะเด่น ๆ ดังนี้
- เป็นการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายในลักษณะเฉพาะเจาะจง (Niche Market)
- เป็นลักษณะเป็นการสื่อสารแบบ 2 ทาง (2 Way Communication)
- เป็นรูปแบบการตลาดแบบตัวต่อตัว (One to One Marketing หรือ Personalize Marketing) ที่ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายสามารถกำหนดรูปแบบสินค้าและบริการได้ตามความต้อง การของตนเอง
- มีการกระจายไปยังกลุ่มผู้บริโภค (Dispersion of Consumer) ลูกค้ากระจายอยู่ทั่วโลก สามารถการตลาดในวงกว้างได้
- เป็นกิจกรรมที่นักการตลาดสามารถสื่อสารไปยังทุกมุมโลก 24 ชั่วโมง (24 Business Hours) 356 วัน
- มีความสัมพันธ์กับกิจกรรมการตลาดแบบดั้งเดิม (Relate to Traditional Marketing)
- ลูกค้ามีการตัดสินใจในการซื้อจากข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ (Purchase by Information) ข้อมูลของสินค้าและบริการเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
การตลาดบนอินเทอร์เน็ตมีประโยชน์ดังนี้
- สามารถจำแนกแยกแยะ (Identifying) ลูกค้า/กลุ่มเป้าหมายได้
- สามารถติดต่อสื่อสาร โต้ตอบ ปฏิสัมพันธ์ได้อย่างรวดเร็ว (Quick Response)
- สามารถสื่อสารการตลาด (Marketing Communication) ทำได้รวดเร็วและเปลี่ยนแปลงได้ง่าย
- สามารถทำนายความคาดหวัง (Anticipating) ของลูกค้าได้
- สามารถตอบสนองความพอใจ (Satisfying) ของลูกค้าได้
- สามารถวัดผลได้ทันทีและมีต้นทุนต่ำแต่ได้ประสิทธิผล (Low Cost and Efficiency) ใช้บุคลากรจำนวนน้อยและไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์สินถาวร
ประโยชน์ต่อผู้ประกอบการธุรกิจ
- ประหยัดค่าใช้จ่าย ่ช่วยลดต้นทุนในการลงโฆษณาสินค้าเมื่อเปรียบเทียบกับสื่ออื่น ๆ
- ประหยัดเวลาเพราะช่วยลดขั้นตอนการทำงาน
- ผลตอบรับรวดเร็วทั้งในส่วนนักการตลาดและผู้บริโภค เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทั่วโลก
- เป็นการเพิ่มความสามารถในการเก็บข้อมูลและการวัดผลที่แม่นยำ ง่ายต่อการตรวจสอบ
- เป็นการสร้างความเป็นไปได้ในการทำการตลาดแต่ละบุคคล สามารถนำเสนอ ขายสินค้าเมื่อผู้ซื้อสนใจสินค้า
- เพิ่มช่องทางการสื่อสาร สามารถขยายของเขตตลาดให้ครอบคลุมทั่วโลก
- สามารถทำการตลาดได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้ง 365 วัน
- การโฆษณาประชาสัมพันธ์สามารถทำได้อย่างกว้างขวาง สามารถเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้ตามกลุ่มเป้าหมาย
- ไม่ต้องมีหน้าร้านจริงในการแสดงสินค้า
ประโยชน์ต่อลูกค้าหรือผู้บริโภค
- ลูกค้าสามารถเลือกสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการมากที่สุดได้จากทั่วมุมโลกในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุด
- ผู้ซื้อประหยัดเวลาในการเลือกสินค้า สามารถเข้าถึงข้อมูลสินค้าได้โดยง่าย รวดเร็วและใกล้เคียงกับความเป็นจริง
- ผู้ซื้อประหยัดค่าใช้จ่าย ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการติดต่อสื่อสาร กับผู้ขาย สามารถติดต่อได้ตลอดเวลาจากทุกสถานที่